ช่วงล่างเสียงดัง ระวัง ลูกหมากเสื่อม ตอนที่ 1
รู้จักที่มาของเสียงที่ผิดปกติ
สวัสดีครับ ท่านผู้ใช้รถทุกท่าน สำหรับวันนี้ช่างแมทธิว จะอธิบายหน้าที่และการทำงานของ ชิ้นส่วนต่างๆ รวมถึงต้นเหตุของการเกิดเสียง จากระบบช่วงล่าง รวมไปถึงความไม่ปกติในการควบคุมรถของท่าน ในกรณีระบบช่วงล่าง ของรถยนต์เกิดเสื่อมสภาพหรือชำรุดเสียหายกันนะครับ
เริ่มต้นด้วยอย่างแรกเลย หากช่วงล่างของท่านเกิดปัญหาผิดปกติขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่ดังผิดปกติ เช่น “กุกๆ” “ผลอกๆ” “แก๊กๆ” และอีกมากมาย ซึ่งปัญหาดังกล่าวล้วนเกิดจากระบบช่วงล่างที่ทำหน้าที่เป็นตัวรับน้ำหนัก, กันกระแทกและสะเทือน รวมไปถึงการขยับโยกย้าย ส่ายแกว่งไปมา ซึ่งนั่นก็คือ “ลูกหมาก”
หน้าที่หลักของลูกหมาก
ลูกหมากในรถยนต์ แต่ละตัวจะแบ่งหน้าที่การทำงานออกเป็นส่วนๆ ซึ่งแต่ละส่วนจะทำงานต่างลักษณะกัน แต่ทั้งนี้ลูกหมากทุกชิ้นก็มีหน้าที่การทำงานหลักๆเหมือนกันคือ
1. เป็นจุดรับและถ่ายเทแรงกระแทก และ สะเทือน
2. เป็นจุดหมุนในการรับแรงกระทำ และ
3. ช่วยดูดซับแรงกระแทกรวมไปถึงเสียงที่เกิดขึ้นจากการกระแทกนั้นๆด้วย
รู้จักลูกหมากชนิดต่างๆ
ชื่อเรียกของลูกหมากนั้น ก็จะถูกแบ่งออกตามประเภทและตำแหน่งที่มันไปประจำการอยู่นั่นเอง อย่างเช่น
§ ลูกหมากที่ยึดติดกับปีกนก ก็จะเรียกว่า “ลูกหมากปีกนก” มีทั้งตัวบนและก็ตัวล่าง
§ ลูกหมากที่ยึดติดกับคันชักด้านนอก (ติดกับดุมล้อ) ก็จะเรียกว่า “ลูกหมากคันชัก” “ลูกหมากคันชักนอก”หรือจะให้ถูกต้องตามหลักวิชาการก็จะเรียกว่า “ลูกหมากปลายแร็ค”
§ ลูกหมากที่ยึดติดกับแกนแร็คพวงมาลัย (ติดกับแร็คพวงมาลัย) ก็จะเรียกว่า “ลูกหมากแร็ค” หรือที่ช่างอาจจะรู้จักในนาม ไม้ตีกลอง (เพราะหน้าตาเหมือนกับไม้ตีกลองใหญ่นั่นเอง)
§ ลูกหมากที่ยึดติดกับปลายของเหล็กกันโคลงกับโช้คอัพ ก็จะเรียกว่า “ลูกหมากกันโคลง”
ซึ่งเจ้าลูกหมากมีชื่อต่างๆนี้ ก็จะแสดงอาการที่แตกต่างกันออกไป เมื่ อเกิดปัญหาไม่ว่าจะชำรุดหรือเสื่อมสภาพ ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นการบ่งบอกให้กับท่านผู้ใช้รถได้ว่า เป็นปัญหามาจากลูกหมากส่วนใด ซึ่งหากท่านผู้ใช้รถ ได้ทราบถึงข้อมูลนี้แล้ว ช่างแมทธิวเชื่อว่า ท่านผู้ใช้รถจะไม่ถูกช่างหลอกให้เปลี่ยนอะไหล่มั่วๆอย่างแน่นอน
ได้รู้จักชื่อลูกหมากแบบต่างๆแล้ว ทีนี้เรามาดูกันในเรื่องของ การทำงานของลูกหมากในส่วนต่างๆกันนะครับ ว่ามันทำงานอย่างไร และหากเกิดการชำรุด จะแสดงออกให้ท่านผู้ใช้รถทราบในวิธีใด
ลักษณะการทำงาน
สัญญาณเมื่อชำรุด
ลูกหมากปีกนกมักจะชำรุด หากมีการกระแทกบ่อยๆ เช่น เอารถไปลงหลุม หรือวิ่งผ่านทางชำรุด ขรุขระด้วยความเร็วสูง ถ้าเจ้าลูกหมากตัวนี้เสียล่ะก็จะ ทำให้เกิดเสียงในช่วงที่ขับตกหลุม หรือถ้าหลวมมากเวลาขับที่ความเร็วต่ำถนนขุขระก็จะรับรู้ได้ถึงเสียงที่ดังกึกๆ กุก ๆ หรืออาจมีเสียงตอนหมุนเลี้ยวขณะที่รถยังไม่ได้เคลื่อนที่ หน้ารถจะไวที่ความเร็วสูงเมื่อวิ่งผ่านพื้นถนนขุขระ แถมยังควบคุมรถได้ยากด้วย.
ลักษณะการทำงาน
ลูกหมากคันชักตัวนอก หรือ “ลูกหมากปลายแร็ค” เป็นชิ้นส่วนที่ประจำการอยู่ในรถยนต์ที่ใช้ระบบพวงมาลัยแบบ “แร็คแอนด์พิเนียน” “Rack and Pinion” ซึ่งรถยนต์ ( Passenger car ) ส่วนใหญ่ล้วนเป็นระบบนี้แล้วทั้งสิ้น รวมถึงรถกระบะรุ่นใหม่ๆ ก็หันมาออกแบบให้ระบบบังคับเลี้ยวแบบใช้แร็คพวงมาลัย ซึ่งเจ้าลูกหมากปลายแร็คตัวนี้ จะถูกยึดกับดุมคอม้า (เช่นเดียวกับลูกหมากปีกนก)และอีกฝั่งหนึ่งจะยึดติดกับลูกหมากแร็คหรือไม้ตีกลอง โดยจะทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมการหมุนของล้อ (โดยถ้ามองจากด้านหน้ารถเข้ามา มันอยู่ไปทางด้านหลังของดุมล้อ) เจ้าตัวนี้ นอกจากช่วยดูดซับแรงกระแทกเวลาวิ่งผ่านทางขรุขระแล้ว ยังคอยดูดซับแรงสะเทือนเวลาขณะเลี้ยวด้วย นอกจากนี้ยังเป็นตำแหน่งในการปรับมุมล้อ ( มุมโท ) ทำให้การวิ่งของรถในแนวตรงสัมพันธ์กับหน้ายาง ในรถยนต์รุ่นใหม่ออกแบบให้ลูกหมากแร็คสามารถดูดซับแรงสั่นสะเทีอนได้มากขึ้นโดยมีการออกแบบให้มีชิ้นส่วนประกอบอื่นที่สามารถดูดซับแรงนั้นก็คือยาง ที่ผสมผสานการออกแบบอย่างลงตัวให้สามารถดูดซับแรงได้มากขึ้น
สัญญาณเมื่อชำรุด
ถ้าตัวนี้มีอาการหลวม ผู้ขับจะรู้สึกได้ว่าการหมุนเลี้ยวจะมีระยะมากกว่าปกติ พร้อมมีเสียงกุกๆ เวลารถวิ่งผ่านถนนขุขระ หรือตกหลุม
ลักษณะการทำงาน
ลูกหมากแร็ค หรือ ไม้ตีกลอง ซึ่งอยู่ติดกับแร็คพวงมาลัย ในระบบพวงมาลัยแบบ Rack and Pinion เจ้าลูกหมากตัวนี้ มีส่วนสำคัญในการถ่ายถอดแรงจากการหมุนเลี้ยวมาเป็นการเคลื่อนที่ในแนวตรง ดึงบังคับล้อให้หมุนเลี้ยว นอกจากนี้ยังทำหน้าเป็นจุดหมุน สำหรับรับภาระในการเต้นขึ้นลงของล้อ
สัญญาณเมื่อชำรุด
ถ้าเจ้าไม้ตีกลองตัวนี้มีอาการหลวม ผู้ขับจะรู้สึกได้ว่าการหมุนเลี้ยวจะมีระยะมากกว่าปกติ รู้สึกได้ตอนขับรถผ่านถนนขุขระหรือในยามที่ล้อมีการเต็นขึ้นลง หรือตกหลุม มีเสียง กุกๆ กักๆ รู้สึกได้ถึงอาการขยับผิดปกติที่พวงมาลัยคนขับ
ลักษณะการทำงาน
ตัวสุดท้าย คือ “ลูกหมากกันโคลง” ทำหน้าที่เป็นตัวยึดเหล็กกันโคลง ซึ่งรถส่วนใหญ่ล้วนมีมาให้ทั้งนั้น โดยเจ้าลูกหมากกันโคลงนี้ จะอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของรถ (รถที่มีเหล็กกันโคลงหลัง ซึ่งส่วนมากจะเป็นรถที่เป็นช่วงล่างแบบ อิสระ 4 ล้อ ไม่ใช่คานแข็ง (Torsion Bar) เหมือนรถ City Car ทั่วๆไป) โดยหน้าที่ของมันก็เช่นเดียวกันลูกหมากตัวอื่นนั่นแหละครับ (คือรับแรงกระแทกและเป็นจุดหมุนการรับแรง) แต่คุณสมบัติเฉพาะของเจ้าลูกหมากตัวนี้คือ ช่วยยึดเหล็กกันโคลงให้มีความนิ่งและคงที่มากขึ้น หลายๆท่านอาจสงสัยว่า เอ๊ะ !! เหล็กกันโคลงก็คือ เหล็กที่มีไว้กันรถโคลงเคลง ทำไมไม่ยึดให้ติดกับตัวถัง หาวัสดุยึดที่แข็งแรงเช่นเหล็กมายึดติดไปเลย ก็เพราะ เหล็กกันโคลงต้องมีการให้ตัวบ้าง เนื่องจากต้องรับแรงบิด จากช่วงล่าง อาทิเช่นเวลาเข้าโค้ง และหักเลี้ยวแบบกะทันหัน ย่อมมีแรงกระทำซึ่งเกิดขึ้นรวดเร็ว รวมไปถึงมีแรงเฉื่อยระหว่างการบิดตัว ซึ่งแรงเฉื่อยตรงนี้ หากไม่มีลูกหมากมาช่วยรับแรงกระแทกจากมุมที่ต่าง ก็จะทำให้เกิดความกระด้าง
สัญญาณเมื่อชำรุด
สำหรับเจ้า ลูกหมากกันโคลง ถ้าเวลาหลวมจะแสดงอาการเสียงดัง เวลารถตกหลุม หรือตอนรถเอียงตัว อายุอานามการใช้ก็ใกล้เคียงกับอายุของโช้คอัพ ราวๆ 6 -8 หมื่นกิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพถนนที่ผู้ขับวิ่งใช้งานครับ
เมื่อท่านผู้ใช้รถได้ทราบ จุดยึดตำแหน่งของลูกหมากต่างๆ รวมไปถึงหน้าที่การงานของเหล่าบรรดาลูกหมาก รวมถึงอาการที่สิ้นอายุการใช้งาน หรือสำแดงฤทธิ์ให้ผู้ขับได้เห็นแล้ว ช่างแมทธิวก็จะขออาราธนาต่อ ในเรื่องของส่วนประกอบลูกหมาก ซึ่งช่างแมทธิว อยกให้ท่านผู้ใช้รถทราบว่าลูกหมากมีส่วนประกอบอะไรบ้าง ซึ่งเมื่อทราบถึงส่วนประกอบแล้ว ท่านผู้ใช้รถก็จะสามารถทราบถึงปัญหาในการเกิดเสียงและเสื่อมสภาพได้อย่างแน่นอน
ลูกหมากนั้น ไม่ได้เป็นเพียงแท่งเหล็ก หรือบูชยางที่ห่อหุ้มรวมไปถึงไปถึงฐานลูกหมากซึ่งเป็นโลหะเพียงอย่างเดียว (ดูรูปประกอบ ส่วนประกอบของลูกหมาก) ซึ่งปกติแล้วท่านผู้ใช้รถอาจจะไม่เคยสังเกตเลยว่า ลูกหมากหน้าตาเป็นอย่างไร ก็ไม่ถือว่าผิดแปลกอะไรครับ เพราะลูกหมากเป็นอะไหล่ที่หากต้องการจะเปลี่ยน ต้องให้ช่างผู้มีความรู้ ความชำนาญในเรื่องระบบช่วงล่างมาเป็นผู้ตรวจสอบ วิเคราะห์ และเปลี่ยนอะไหล่ ไม่เหมือนกับอะไหล่ของตกแต่งประดับยนต์ซึ่งผู้ใช้รถ สามารถเปลี่ยนได้เอง (แต่ถ้าท่านผู้ใช้รถมีความรู้ ความสามารถในด้านนี้ ก็ลุยเลยครับ ช่างแมทธิวอยากเห็นผู้ใช้รถ Do It yourself ได้ทุกท่านเลย) ลูกหมากจะมีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกัน ตามหน้าที่การงานของแต่ละตัว (ไม่ได้ไม่ให้เกียรติลูกหมากนะครับ แต่มันเป็นสรรพนามเฉพาะ) แต่แม้หน้าตาไม่เหมือนกัน ก็มีส่วนประกอบที่เหมือนกันและมีหน้าที่การงานเหมือนๆกันคือ เป็นจุดหมุนในการรับแรงกระแทกนั่นเอง
ส่วนประกอบของลูกหมาก หลักๆแล้วก็จะมีดังนี้ครับ
– เริ่มด้วยฐานรองลูกหมาก ซึ่งจะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป เช่น ลูกหมากปีกนกจะมีเสื้อลูกหมากเป็นเหล็กแบน ที่มีลักษณะแบบนี้ ก็เพื่อไว้ยึดกับแผ่นปีกนก โดยจะมีรู้น๊อต (Bolt) เพื่อไว้ไขน๊อตยึดฐานลูกหมากให้เข้ากับแผ่นปีกนก หรืออาจจะเป็นลูกหมากกันโคลงและลูกหมากคันชัก ซึ่งก็จะมีลักษณะ Housing เหมือนกันหากแต่ว่า อาจจะไม่ได้มีฐานรองเป็นลักษณะแบบเหล็กแบน (เนื่องจากลูกหมากตัวอื่นๆ ไม่ได้มีจุดยึดเหมือนลูกหมากปีกนก) แต่จะมี Housing ซึ่งเป็นที่อยู่ของชุดลูกปืน
– แกนลูกหมาก หรือ Ball Stud จะเป็นแท่งเหล็กที่มีปลายด้านหนึ่งเป็น เกลียวสำหรับขันน๊อต (Nut ) และปลายอีกด้านหนึ่งจะมีลักษณะเหมือนลูกบอลเหล็กกลมๆ ซึ่งเจ้าลูกบอลเหล็กนี้ จะต้องมีผิวที่เรียบเนียน กลมมน (ต้องเนียนแบบ สวยใสธรรมชาติ ไม่ใช้เครื่องสำอางด้วยนะ เนื่องจาก มันต้องสามารถหมุนไปได้รอบทิศ โดยไม่มีการติดขัด) แกนลูกหมากนี้ก็จะประกอบลงใน เสื้อ ( Housing ) ของลูกหมาก และจะมีจาระบีเป็นสารหล่อลื่น (ซึ่งลูกหมาก TRW ใช้จาระบีเกรดเฉพาะซึ่งใช้หล่อลื่นภายในลูกหมาก ทำให้มีความลื่น ทนทานต่อสภาวะอากาศและการใช้งานอย่างหนักหน่วง)
– พลาสติก แบริ่ง (Plastic Bearing) แปลตรงตัวก็คือ “เบ้าฐานรอง พลาสติก” จริงๆมันไม่ใช่ฐานไว้รองพลาสติกนะครับ มันคือ “ฐานรองแกนลูกหมากที่เป็นชนิดพลาสติก” ซึ่งเจ้า Plastic Bearing ทางเรา TRW จะใช้พลาสติกซึ่งมีความทนทาน เหนียวแน่น เป็นพลาสติกวิศวกรรม โดยเฉพาะ ซึ่ง TRW เห็นว่า การใช้เป็นเบ้าฐานรองแบบพลาสติกวิศวกรรมเฉพาะนี้ จะช่วยลดความฝืดในการเคลื่อนตัว รวมไปถึง ช่วยยึดอายุการทำงานของชุดแกนลูกหมากอีกด้วย (เพราะ ถ้าเหล็กสีกับเหล็ก ก็จะเกิดความสึกหรอสูง ถึงแม้ว่าจะมีจาระบีเป็นสารหล่อลื่นแล้วก็ตาม) ท่านผู้ใช้รถอาจสงสัยว่า เอ๊ะ !! อย่างงี้ชุดเบ้าฐานรองแบบพลาสติกก็จะเสียเร็วน่ะสิ เพราะพลาสติก มีความแข็งแรงน้อยกว่าเหล็ก ตรงนี้ช่างแมทธิวก็บอกเลยว่า ไม่ใช่ครับ เพราะถึงแม้ชุดแบริ่งจะเป็นพลาสติกก็จริง แต่พลาสติกที่ใช้ทำเบ้ารอง นี้ มีพื้นผิวที่ลื่นมากกว่าเหล็ก อีกทั้งยังเป็นพลาสติกซึ่งมีโครงสร้างโมเลกุลที่มีความหนาแน่นและเหนียวแน่น ทนแรงกระแทก และการสึกหรอ เนื่องจากมีจาระบีเข้ามาช่วยหล่อลื่นอีกคำรบหนึ่ง และเจ้าพลาสติกแบริ่งนี้ ก็จะเป็นตัวกักเก็บจาระบี (ที่ TRW คิดค้นเป็นสูตรจำเพาะ และหวงแหน และจะเสียใจมากถ้ามันเล็ดลอดออกไปได้) สำหรับหล่อลื่นชุดแกนลูกหมากอีกด้วย และยังช่วยป้องกันไม่ให้น้ำและฝุ่นผงเข้าไปภายใน (ชุดแกนลูกหมากกลัวน้ำและฝุ่น เพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย จากการเสียดสี โฉมจะไม่งาม ผิวจะไม่เนียนเรียบ เมื่อถูกผงฝุ่น ดิน โดยเฉพาะความชื้น ซึ่งเป็นบ่อเกิดของสนิม)
– ยางกันฝุ่น หรือ Dust Cover เป็นซีลอีกชิ้นหนึ่งซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้น้ำและฝุ่นละอองหลุดเล็ดลอดเข้าไปภายในชุดแกนลูกหมากและพลาสติกแบริ่ง ซึ่งจะส่งผลเข้าไปทำร้ายน้องแกนลูกหมากได้ ซึ่งเจ้ายางนี้ จะห่อหุ้มทั้งชุดไว้ โดยครอบคลุมตั้งแต่ปลายโคนของแกนลูกหมาก ( ก่อนถึงเกลียวแกนนี้จะเป็นเทเปอร์ ) ไปจนถึงเสื้อลูกหมากด้านบน (เพราะด้านล่างจะมีฝาปิดโลหะอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องคลุมลงไปให้ถึง) นอกจากจะช่วยป้องกันสิ่งสกปรกต่างๆ แล้ว ยังเป็นสัญญาณบอกเหตุได้อีกด้วย หากยางกันฝุ่น มีการแตกลายงา หรือฉีกขาด นั่นก็หมายถึง ชิ้นส่วนภายในของลูกหมากก็อาจจะชำรุดเสียหายแล้วก็เป็นได้
– วงแหวนเหล็ก หรือ Support Collar เป็นชิ้นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญในการปกป้องและยังเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยไม่ให้ยางกันฝุ่นยุบตัวต่ำจนเกินไป และยังช่วยทำหน้าที่เพิ่มความกระชับให้กับปากซีลยางกันฝุ่นอีกด้วย ซึ่งทำให้ช่วยปากซีลปิดได้สนิท เนื่องจากการขยับตัวของลูกหมาก บางครั้งได้รับแรงสะเทือนที่รุนแรงและรวดเร็ว ทำให้ปากซีลอาจมีเผยอ (เปิดแง้มออกมาบ้าง) ซึ่งการเผยอของปากซีลแม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่ก็ทำให้สิ่งสกปรกต่างๆ รวมถึงฝุ่นผงเข้าไปได้เหมือนกัน ดังนั้นช่างแมทธิวจึงบอก TRW เลยว่า ให้รัดไว้ก่อนเพื่อป้องกัน จะได้ไม่ต้องตามมาแก้ไข
และนี่แหละครับ คือส่วนประกอบของลูกหมาก ที่ช่างแมทธิวอยากให้ผู้ใช้รถได้ทราบก่อนว่า ภายในของลูกหมากเป็นอย่างไร มีอะไรเป็นส่วนประกอบ และเหตุใดลูกหมากจึงมีการสึกหรอเสื่อมสภาพได้ เพราะฉะนั้นถ้าจะเปลี่ยนลูกหมากครั้งต่อไป ลองถามช่างสักนิดนะครับว่าของที่จะเอามาเปลี่ยนนั้นมีประสิทธิภาพดีแค่ไหน และเทียบเท่าอะไหล่แท้ได้หรือไม่ครับ
K.LOP AUTOMOTIVE PARTS อะไหล่รถยนต์-แอร์ รถญี่ปุ่น-ยุโรป ลูบริแคนท์สสำหรับเครื่องยนต์
E -mail: klopcoolstore@gmail.com
FACEBOOK: @klopyonstore
LINE@: @klopyonstore
LINE ธรรมดา: