อะไร คือชนิดของ ผ้าเบรคที่ดีที่สุด?

เนื้อผ้าเบรกกึ่งโลหะ

เนื้อผ้าเบรคชนิดนี้ประกอบด้วยโลหะ 30-65% ของน้ำหนักทั้งหมด โดยทั่วไปประกอบด้วยเหล็กกล้า เหล็ก ทองแดง และ โลหะชนิดอื่นๆ และเติมสารเพิ่มแรงเสียดทานและ สารหล่อลื่นแกรไฟต์   ทำให้เวลาเบรคมีเสียง และ ฝุ่นมากขึ้น แต่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นและมีความคงทนมากขึ้นและ ส่วนประกอบโลหะในเนื้อผ้าเบรคสามารถช่วยดึงความร้อนออกจากโรเตอร์และช่วยระบายความร้อนด้วยเบรกได้ดียิ่งขึ้น

ข้อดี

 1.ประสิทธิภาพการเบรคดีกว่าเนื้อผ้าเบรคอินทรีย์อย่างมาก

2. เบรคได้ดีขณะที่ผ้าเบรคอุณหภูมิไม่สูง  จนกระทั่ง สูง

3. มีช่วงการทำงานของเนื้อผ้าเบรคที่กว้างขึ้น (อุณหภูมิ)

4. เวลาเหยียบเบรค จะให้ความรู้สึกเบรคที่กระชับ(แข็ง)มากขึ้น  ระยะเบรคสั่นลง

5. ผ้าเบรคหมดช้ากว่า ผ้าเบรคแบบอินทรีย์

6. เหมาะสำหรับการใช้งาน ตั้งแต่การขับขี่บนท้องถนนทุกวันไปจนถึง การเบรคที่รุนแรง

 จุดด้อย:

 1.มีแนวโน้มที่จะมีเสียงดังกว่าแผ่นอินทรีย์หรือเซรามิก

2.ผลิตฝุ่นเบรกมากขึ้น

3.มีการเสียดสีมากกว่าแผ่นอินทรีย์หรือเซรามิก (จานเบรคสึกหรอไว)

4.ราคาแพงกว่าแผ่นอินทรีย์ (แต่โดยทั่วไปราคาถูกกว่าเซรามิก)

ผ้าเบรคเซรามิก

 ผ้าเบรคเนื้อเซรามิคประกอบด้วยวัสดุเซรามิค ผสม ด้วยเส้นใยทองแดงฝังตัว เริ่มใช้งานนับตั้งแต่ปีพ. ศ. 2523 ได้มีการพัฒนาแผ่นเซรามิกเพื่อทดแทนแผ่นเบรคอินทรีย์และกึ่งโลหะ เนื้อผ้าเบรคเซรามิก กินจานเบรค น้อยกว่าเนื้อโลหะ

ข้อดี

1.เงียบกว่าแผ่นโลหะกึ่งโลหะ  เนื้อเซรามิก เมื่อเบรคมันจะปล่อยเสียงรบกวนที่อยู่เหนือระดับของการได้ยินของคน (ความถี่ที่คนไม่ได้ยิน)

2.ฝุ่นผ้าเบรคจะไม่ดำมาก และไม่ ติดกะทะล้อรถยนต์

3.เนื้อผ้าเบรคมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าสารอินทรีย์หรือกึ่งโลหะ (เบรคหมดช้า)

 4.มีอุณหภูมิการทำงานที่กว้างมากที่สุดคือ  ตั้งแต่ ผ้าเบรคอุ่น จนถึง ร้อนสุดๆ ประสิทธิภาพการเบรคยังคนสม่ำเสมอไม่ลดลง

 
จุดด้อย:

1.ปกติแล้วแผ่นเบรคนี้มีราคาแพงที่สุด

2.ประสิทธิภาพการเบรค ขณะ เนื้อผ้าเบรคเย็น ไม่ดี เท่าเนื้อแบบโลหะ (ไม่เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้ในสภาพอากาศหนาวเย็นมาก)

3.เนื้อผ้าเบรคไม่ช่วยดูดซับความร้อนออกจาก จานเบรค ทำให้ อุณหภูมิของระบบเบรคเพิ่มสูงขึ้นได้ 

4.ถึงแม้ว่าจะมีลักษณะการเบรคที่ดีรอบด้าน น้ำหนักเบา แต่ไม่ได้ออกแบบมาใช้ในการแข่งขัน

 
สรุป

เนื้อผ้าเบรคแต่ละแบบ ก็มีข้อดี ข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไป

 ผู้ใช้รถยนต์ ต้องพิจารณาว่า

 -  ข้อดีแบบไหน    เราต้องการ

 - ข้อเสียแบบไหน เรารับได้

 * เท่านั้นเองครับ*